เมืองมรัค อู Mruak U

เมืองมรัค อู Mruak U

เมืองมรัค อู Mruak U อดีตราชธานีอาณาจักรรัคขิ่น ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของลำน้ำ ‘อองดัท ชวง’ (Aungdat Chaung) สถาปนาเมื่อ ค.ศ.1430 แล้วล่มสลายเสื่อมอำนาจตกเป็นประเทศราชของอาณาจักรบม่าร์ ในปี ค.ศ.1784 นับเป็นเวลากว่า 354 ปีที่เมืองแห่งนี้ รุ่งโรจน์ในครั้งอดีตกาล ปัจจุบันพื้นที่เขตเมืองชั้นในราว 8 ตารางกิโลเมตร ยังเต็มไปด้วยโบราณสถานกว่า 145 แห่ง โดยเฉพาะในเขตเมืองโบราณแห่ง มรัค อู ที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด เงียบสงบ เขตโบราณสถานไม่ไกลจากบ้านชาวบ้าน หรือโรงแรมที่พัก

 

ยอดเขาชเวดวง Shwedaung Hills

 สัมผัสอากาศเย็นสบายที่สดชื่นท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่ เนินเขาแห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งฐานปืนใหญ่ ในสมัยทำสงครามกับจักรวรรดิอังกฤษ ปัจจุบันยังคงมีร่องรอยซากปืนใหญ่ปรากฏอยู่ และจากที่นี่เป็นจุดชมวิวที่เห็นภูมิทัศน์กว้างใหญ่

 

เจดีย์ ลองบัณพย็อค Laungbanpyauk Paya

หรือมีชื่ออีกชื่อว่า หลวงภวันบรรลุLaungbwannbruuk เป็นเจดีย์ศิลาทรงแปดเหลี่ยมสูง 22.5 เมตร สร้างเมื่อปี ค.ศ.1525 โดยกษัตริย์ มินขวางราชา (King Min khaungraza) มีลวดลายปูนปั้นงดงามประดับตามซุ้มจระนำ และที่กำแพงรอบนอกมีการตกแต่งโดยใช้กระจกสีจากเบลเยี่ยม ซึ่งยังคงมีร่องรอยเหลือให้เห็นอยู่

 

เจดีย์ลอว์ฆะมานอ่อง Lawkamanaung

สร้างขึ้นเมื่อปี 1658 เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่า มีเฉลียงทั้งหมดสี่ชั้น ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปหิน โดยรอบตบแต่งด้วยประติมากรรมหินในรูปแบบต่างๆ และสักการะพระพุทธรูป Parabaw เป็นพระพุทธรูปที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้า เมื่อกว่า 1276 ปี มาแล้ว

 

เจดีย์ ศากยะมานอ่อง Sakyamanaung Paya

เจดีย์ ศากยะมานอ่อง Sakyamanaung Paya สร้างปี ค.ศ.1629 โดยกษัตริย์ติริตุธรรมราชา (King Thirithudhammaraza) สูง 35 เมตร บนฐานทรงกลีบดอกบัว เป็นรูปทรงเจดีย์ย่อมุมที่รับอิทธิพลสถาปัตย์ผสมผสานระหว่างศิลปะบม่าร์และฉาน (ไทใหญ่) รายล้อมทั้งสี่ทิศด้วยเจดีย์องค์เล็ก และมีรูปปูนปั้นรากษส 2 ตน ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณปากทางเข้า

 

พระสันตมุนี Sandamuni

 พระสันตมุนี Sandamuni ที่สร้างมาจากเศษที่เหลือจากการหล่อพระมหามุนี ซึ่งมีพระพุทธรูปลักษณะเดียวกันนี้ 5 องค์ รวมเรียกว่า มหาจัน (Mahakyan) เมื่อครั้งที่พม่าตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ พระพุทธรูปองค์นี้ถูกปูนฉาบปิดทับเอาไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารอังกฤษนำสำริดไปหลอมเป็นอาวุธ

 

พระราชวังเก่า มรัค อู Mrauk U Royal Palace

ตั้งอยู่ ณ ทำเลที่โหรหลวงของกษัตริย์มิน บิน แนะนำให้ย้ายมาจากพระราชวังเดิมที่ หลวงเกร็ท Luanggret ในปี ค.ศ.1430 ซึ่งปัจจุบันเหลือแต่ซากกำแพงเมืองให้เห็นเพียงบางส่วน กำแพงเมืองมี 3 ชั้น และรูปแบบพระราชวัง ดูผิวเผินจะคล้ายกับ มหามุนี พญา ส่วนตรงกลางของพระราชฐานชั้นใน จะมีหลุมที่ขุดเจาะไว้ใช้เป็นอุโมงค์เพื่อหลบภัยไปที่ สิทธ์ตวง พญา ได้

 

Visitors: 616,157