ไกรลาส โครา Mount Kailash Kora (วันที่ 2)

ไกรลาส โครา

Mount Kailash Kora (วันที่ 2)

วันที่สอง (22 กม. 8-10 ชม.) ออกเดินทางแต่เช้ามืด เพราะเส้นทางวันนี้สูงชันและต้องผ่านช่องเขาดอลมาร์ซึ่งมีความสูงถึง 5,630 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลจาก Dira-puk Monastery เดินลงเขาเพื่อข้ามสะพานกลับไปฝั่งขวาของแม่น้ำลาใช้เวลาเดินประมาณ 1ชั่วโมง เส้นทางก็จะไปบรรจบกับเส้นทางหลัก จาร็อกดอนคัง Jarok Donkhang ที่ระดับความสูง 5,210 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อันเป็นจุดสุดท้ายที่จะสามารถค้างแรมได้ก่อนจะข้ามช่องเขาดอลม่าร์เนื่องจากหากสูงเกินกว่านี้จะเสี่ยงต่อ AMS โดยเส้นทางช่วงนี้เราจะเห็นเขาไกรลาสด้านทิศเหนือและสันเขาซึ่งทอดยาวจากเขาไกรลาสออกไปทางทิศตะวันออก ซึ่งทอดยาวจากเจาไกรลาสออกไปทางทิศตะวันออก ซึ่งจะมีเส้นทางแยกเพื่อไปยัง ธารน้ำแข็งโปลุง Polung Glacier ซึ่งทอดลงมาจากเขาไกรลาสผ่านช่องเขาระหว่างเขา Chenresig และ Jampeiyang ลงสู่ หุบเขาโปลุง Polung Valley
 
จากจาร็อกดอนคัง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที เดินไปตามเส้นทางหลัก ข้ามหุบเขาโปลุง แล้วไตร่ความสูงขึ้นไปยัง ศิวะทาล Shiva-Tal ที่ระดับความสูง 5,330 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ซึ่งเป็นจุดที่แสดงการตายเชิงสัญญาลักษณ์เพื่อเข้าสู่โลกแห่งความตายจนกว่าจะถึงช่องเขาดอลม่าร์แล้วเกิดใหม่อีกครั้งหนึ่งโดยนักแสวงบุญจะทิ้งเสื้อผ้าเก่า ปอยผม ฟันหรือหยดเลือดไว้เพื่อเป็นสัญญาลักษณ์ว่าได้ละจากชีวิตนี้ไปแล้วก็คือการตายนั้นเอง ณ จุดนี้เราจะเห็นกองเสื้อผ้า หมวก และปอยผมมากมายราวกับกองขยะ
 
ช่วงก่อนถึงศิวะทาลไม่ไกลนักจะมีทางแยกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ผ่าน ช่องเขาคานโดซางลัม Khando Sanglam-La หรือเส้นทางลับของฑากิณี Secret Path of the Dakini ซึ่งเส้นทางนี้ใช้สำหรับนักแสวงบุญที่เดินผ่านช่องเขาดอลม่าร์ครบ 12 รอบแล้วโดยรอบที่13 จึงจะใช้เส้นทางนี้จากศิวะทาลจนถึงช่องเขาดอลม่าร์ จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ซึ่งระหว่างทางจะผ่าน หินทดสอบบาป Bardo Trang ซึ่งนักแสวงบุญจะพยายามลอดตัวผ่านช่องเล็กๆ หากสามารถลอดผ่านได้ก็แสดงว่าบาปที่มีติดตัวนั้นสามารถลบล้างได้ด้วยการเดินโคราหนึ่งรอบ หลังจากผ่านศิวะทาลมาประมาณ1ชั่วโมงจะเจอบ่อน้ำเล็กๆทางขวามือของเส้นทาง บริเวณนี้จะเป็นจุดที่สามารถมองเห็นเขาไกรลาสด้านทิศเหนือได้เป็นจุดสุดท้าย
 
จากช่องเขาดอลม่าร์ ลงมาใช้เวลา 30 นาที เส้นทางจะเข้าสู่ทางราบ ซึ่งช่วงแรกนั้นจะต้องเดินข้ามพื้นที่เป็นน้ำแข็ง จากนั้นทางก็จะเป็นหินก้อนใหญ่ๆ แห้งแล้ง ชาวทิเบตส่วนใหญ่จะแวะเก็บดอกหญ้าที่อยู่ตามซอกหินจากบริเวณนี้กลับบ้านเพื่อเอาไปใช้ในพิธีต่างๆ พอสุดที่ราบทางก็จะไต่ระดับลงอีกครั้งสู่ หุบเขาแม่น้ำลาม Lham-Chu ที่อยู่เบื้องล่าง ซึ่งทางลงในช่วงนี้จะเป็นก้อนกรวดก้อนหินเล็กๆเดินแล้วไถลลื่นง่ายมากที่สุดปลายทางทางลงนี้จะมี Tea House
เดินทางต่อจากร้านชา จนถึง วัดถ้ำซูตุล Zutul-puk Monastery นั้นต้องเดินทางอีก 10 กิโลเมตร ซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณ 4 ชั่วโมง โดยเส้นทางจะวกลงใต้ไปตามแม่น้ำลาม ทางเดินสองฝั่งของแม่น้ำนี้เป็นทางราบทุ่งหญ้าสีทองตะปุ่มตะป่ำอุ้มน้ำ จาก Tea House มาประมาณ 30นาทีก็จะถึงจุดที่สามารถมองเห็นเขาไกรลาสฝั่งทิศตะวันออกหรือ Crystal face ซึ่งจะมี Chaktsel Gang จุดที่สาม ซึ่งเส้นทางที่ผ่านช่องเขาคานโดซางลัม หรือ เส้นทางลับฑากิณีก็จะมาบรรจบกับเส้นทางหลักบริเวณนี้
 
จากนั้นประมาณอีก 2 ชั่วโมงก็จะเจอแคมป์สำหรับค้างแรม ซึ่งจากจุดนี้ไปทางจะเริ่มไต่ระดับขึ้นนิดหน่อยเพื่อไปเดินบนโตรกผาซึ่งลัดเลาะไปตามแม่น้ำเบื้องล่างซึ่ง ณ จุดนี้ แม่น้ำต็อบเช Tobchen-Chu หรือ Powerful River ซึ่งไหลมาจากทางทิศตะวันออกไหลมารวมกับแม่น้ำลามกลายเป็น แม่น้ำจ้ง Dzong-Chu หรือ Fortress River จากจุดนี้ไปเพียง 30 นาทีก็จะถึง Zutul-puk มีความหมายว่า ถ้ำอิทธิฤทธิ์ Cave of Miracle อันเป็นจุดที่ท่านมิลาเรปะ และนาโรบอนซุง ช่วยกันสร้างที่กำบังฝนในการประลองอิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์ที่ระดับความสูง 4,790 เมตร
Visitors: 616,158