ไต้หวัน โอกินาว่า สองเกาะไข่มุกแห่งทะเลจีนใต้
ไต้หวัน เบ้าหลอมวัฒนธรรม โปรตุเกส ดัชต์ ญึ่ปุ่น จนถึง ก๊กมินตั๋ง จนกลายเป็น จีน ที่คล้าย ญี่ปุน มากกว่าจีนแผ่นดินใหญ่
เดิมทีเกาะไต้หวันมีชาวพื้นเมือง ซึ่งเป็นชาวหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิก มีความใกล้ชิดกับประชากรทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ ที่ได้เข้ามาอาศัยอยู่ก่อน สันนิษฐานว่าพวกชาวเกาะมาตั้งถิ่นฐานอยู่ตั้งแต่หมื่นปีมาแล้ว ในขณะที่ชาวจีนเพิ่งอพยพมาจากแผ่นดินใหญ่เข้ามาอยู่ที่ไต้หวันในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15
ปี พ.ศ. 2060 (ค.ศ. 1517) นักเดินเรือชาวโปรตุเกสแล่นเรือมาถึงเกาะไต้หวัน และได้ตั้งชื่อเกาะนี้ว่า เกาะฟอร์โมซา Formosa (Ilha Formosa) เป็นภาษาโปรตุเกส แปลว่า เกาะที่สวยงาม Beautiful Island ในปี พ.ศ. 2167 (ค.ศ. 1624) ชาวดัตช์เข้ามารุกรานและยึดครองเกาะฟอร์โมซา แล้วตั้งบ้านเมืองขึ้นที่เมืองไถหนาน Tainan อีก 2 ปีต่อมา กองเรือสเปนยกกำลังเข้ามาบุกรุกแย่งเกาะฟอร์โมซาไปครอง แต่ชาวดัตช์ได้ต่อสู้แย่งชิงเอาเกาะกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่งในปี พ.ศ. 2184 (ค.ศ. 1641) ในช่วงปี พ.ศ. 2205 (ค.ศ. 1662) ราชวงศ์หมิงในแผ่นดินใหญ่ถูกราชวงศ์ชิงแทนที่ เจิ้ง เฉิงกง ขุนศึกหมิง รวมกำลังหนีมาถึงเกาะไต้หวัน และเข้ารุกไล่ชาวดัตช์ออกไปได้อย่างราบคาบ เขาจึงตั้งราชอาณาจักรตงหนิง ขึ้นบนเกาะเพื่อ "โค่นชิงฟื้นหมิง" แต่ในปี ค.ศ. 1683 ราชวงศ์ชิงปราบปรามอาณาจักรตงหนิงและเข้าครอบครองไต้หวันเป็นผลสำเร็จ ไต้หวันจึงกลายเป็น ดินแดนส่วนหนึ่งของมณฑลฝูเจี้ยน ซึ่งได้กลายเป็นแหล่งพักพิงให้ผู้อยู่อพยพจากจีนที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานในเวลาต่อมา ญี่ปุ่นใช้กำลังแย่งเกาะฟอร์โมซาไปจากจีนในปี พ.ศ. 2438 (ค.ศ. 1895) และได้ยึดครองจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง ญี่ปุ่นแพ้สงคราม และถูกฝ่ายสัมพันธมิตรบังคับให้ยกเกาะฟอร์โมซาคืนให้กับจีน
เนื่องด้วยตั้งแต่ก่อนช่วงสงความโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นได้มาปกครองใต้หวันอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ทำให้ไต้หวันได้ซึมซับวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาพอสมควร ทำให้ไต้หวันมีเอกลักษณ์อย่างทุกวันนี้ เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์จีนเข้ามามีอานาจในจีนในปี พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) พรรคก๊กมินตั๋ง พรรคการเมืองเมืองชาตินิยมของจีนที่เป็นฝ่ายแพ้ จอมพลเจียงไคเช็ค จึงอพยพผู้คนหนีมายังเกาะไต้หวัน ยังคงใช้ชื่อสาธารณรัฐจีน แล้วเป็นที่ยอมรับว่าเป็นรัฐบาลจีนโดยชอบธรรมจนถึงปี ค.ศ.1971 ซึ่งหลังจากนี้ถูกแทนที่โดยสาธาณรัฐประชาชนจีนที่ปกครองจีนแผ่นดินใหญ่โดยพฤตินัย อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายยังคงถือว่า ไต้หวันเป็นมณฑลหนึ่งของตน และไม่ยอมรับว่าประเทศไต้หวันเป็นรัฐเอกราช เพราะฝ่ายไต้หวันยังคงอ้างตนเป็นรัฐบาลจีนโดยชอบธรรมมาตลอดจนถึงบัดนี้
คำจำกัดความของใต้หวันก็คงให้ว่าเป็นส่วนผสมของจีนแผ่นดินใหญ่กับญี่ปุ่น ภาษาพูดวิถีการดำเนินชีวิตวัฒนธรรมภาษาพูดแบบจีน แต่ได้ความมีวินัย ความเป็นระเบียบเรียบร้อยและความอ่อนน้อมแบบญี่ปุ่น
นครไทเป เป็นเมืองใหญ่ที่สุดในไต้หวันซึ่งเป็นศูนย์กลางวัฒธรรม เศรษกิจและการเมือง เต็มไปด้วยพลังอันมีชีวิตชีวารูปแบบศิลปะการก่อสร้างก็มากมายและสวยงามมีทั้งรูปแบบศิลปะโบราณและแบบสมัยใหม่ อาคารไทเป 101 เป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลกอยู่ช่วงหนึ่ง จนกระทั่งถึงวันที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 จึงถูกเบิร์จดูไบแซงขึ้น โดยรูปแบบของอาคารเป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างเทคโนโลยี อันทันสมัย กับการตกแต่งด้วยรูปหัวมังกรที่มุมอาคารทั้ง 4 ด้านทุกปล้องเพื่อขับไล่ภูติผีปิศาจ ตามหลักความเชื่อทางของภูมิสถาปัตย์ หรือ เฟิงสุ่ย ถ้าชอบสถานวัตถุโบราณ ก็เชิญไปชมที่ถนนตีฮว้าที่ต้าต้าวเฉิ่ง วัดหลงซาน ที่เหมิงเจี่ย มีรายละเอียดของงานฝีมือที่งดงาม บริเวณเสาหินของวิหารที่แกะสลักเป็นมังกรพันรอบเสาดูสวยงามเสมือนจริง ส่วนด้านบนหลังคาก็มีลวดลายปูนปั้นยิบย่อยที่แสดงถึงฝีมือของช่าง ถ้าชอบสิ่งโบราณก็อย่าพลาดโอกาศที่จะไปเข้าชม พิพิธภัณฑ์กู้กง ที่มีต้นแบบจากพระราชวังโบราณในกรุงปักกิ่ง เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บวัตถุและผลงานทางศิลปะของจีนโบราณที่มีประวัติยาวนานกว่า 5000 ปี เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งของลํ้าค่าทางประวัติศาสตร์มีอยู่ที่นี่จำนวนมากกว่า 620,000 ชิ้นจากทุกราชวงศ์ของจีน สำหรับอนุสรณ์สถานแห่งชาติที่โดเนก็มี อนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค สร้างขึ้นเพื่อ รำลึกถึงอดีตประธานาธิบดีเจียง ไคเช็ค ประดิษฐานรูปปั้นเหมือนเจียงไคเช็คที่สร้างจากโลหะสัมฤทธิ์รูปแบบการก่อสร้างเป็นไปตามวัฒนธรรมจีนโดยมีหลังคาซึ่งออกแบบมาจากหอฟ้าเทียนฐานในกรุงปักกิ่ง และ อนุสรณ์วีรชน จงเลียฉือ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่สักการะดวงวิญาณ ทหารและวีรบุรุษที่สละชีพเพื่อชาติ จำนวน 330,000 คน ในสมัยปฏิวัติล้มราชวงศ์แมนจูและรวมประเทศต่อต้านญี่ปุ่นจนถึงยุคปราบคอมมิวนิสต์ ที่ ชมการผลัดเปลี่ยนเวรยามของทหาร ที่ได้รับการฝึกอย่าง เคร่งครัด แม้แต่ตายังไม่กระพริบ
ไต้หวัน เป็นประเทศที่มีภูเขาตั้งตระหง่านสูงเสียบเมฆซึ่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลกจึงถูกเรียกว่า “เกาะภูเขาสูง” ภูเขาที่สูงเกินกว่า 3,000 เมตร มีอยู่ทั่วทุกแห่งความสูงของภูเขาแยกเกือบ 4,000 เมตร ซึ่งเป็นยอดเขาสูงระดับหนึ่งในแถบเอเชีย เนื่องจากทรัพยากรภูมิประเทศอุดมสมบูรณ์ จึงทำให้ไต้หวันมีลักษณะภูมิประเทศพิเศษทัศนียภาพที่แปลกและมหัศจรรย์มาก นอกจากภูเขาแล้วยังมีทัศนียภาพตามฝั่งทะเลที่สวยงาม
เขตภูมิทัศน์ที่งดงามทางภาคเหนือ เริ่มจาก บริเวณปากแม่น้ำตั้นสุ่ย ทางตะวันตกเฉียงเหนือของนครไทเป มี ป้อมปราการซาน โดมินโก หรือ หงเหม่าเฉิง ที่มีความเป็นมาในอดีตกว่า 4 ศตวรรษ สร้างขึ้นโดยชาวสเปน ก่อนจะเปลี่ยนมือไปที่ชาวดัตช์ ทใกล้ๆกันมี เมืองตั้นสุ่ยเหล่าเจ ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เต็มไปด้วยอาคารโบราณในสไตล์ตะวันตก ฟูจิตอนใต้ และสไตล์ญี่ปุ่นถัดมาจุดเหนือสุดของไต้หวันคือ แหลมฟุกุย มีลักษณะเป็นแหลมทอดยาวออกไปในทะเล มี ประภาคารแห่งแหลมฟุกุย เป็น แลนด์มาร์คสำคัญ ชายฝั่งถัดมาทางด้านตะวันออกของภาคเหนือเกิดจากการก่อตัวของลาวาภูเขาไฟ ถูกกัดเซาะโดยคลื่นน้ำทะเล กลายเป็นแนวโขดหินเซาะร่องยาวขนานกันตลอดแนวชายฝั่ง แนวโขดหินสีเขียวเหล่าเหมย กลายเป็นสุดยอดภูมิทัศน์ โดยเฉพาะในเดือน เมษายน ถึง พฤษภาคม ของทุกปี ที่สาหร่ายสีเขียวจะขยายตัวครอบคลุมพื้นผิวของโขดหินทั้งหมด ภาพคลื่นกระทบแนวโขดหินเซาะร่องสีเขียว งดงามอย่างน่าอัศจรรย์ อีกแลนมาร๋คที่สำคัญได้แก่ โขดผาศิลาโค้งแห่งชิเหมิน มีลักษณะ เหมือน ประตูโค้ง ต้อนรับผู้มาเยือนทางทะเลจากทางทิศเหนือของเกาะไต้หวัน ถัดมาจะเป็น อุทยานธรณีวิทยาเย๋หลิ่ว เต็มไปด้วย โขดหินที่มีรูปทรงแปลกตา และงดงาม เกิดจากการกัดกร่อน ของนํ้า ทะเล ลมทะเล และการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกเมื่อ หลายล้านปีก่อนทำให้เกิดการทับถมของแนวหินตามชายฝั่งใน รูปร่างที่แตกต่างกัน ประกอบด้วยโขดหิน ชะง่อนทราย รูปร่าง ต่างๆ เช่น รองเท้าเทพธิดา, เทียน, ดอกเห็ด, เต้าหู้รังผึ้ง และที่โดดเด่นมีชื่อเสียงมากที่สุดก็คือ “เศียรราชินี” ไม่ไกลจากอุทยานเย่หลิว มี โขดหินงวงช้างเฌ่ออ้าว โขดหินขนาดใหญ่ที่มีรูปร่างเหมือนช้างมีงวง ที่ตั้งอยู่ด้านหลัง หน้าผาใหญ่ หันหน้าของสู่ทะเล จนมาถึงทางฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของนครไทเป มี หมู่บ้านจิ่วเฟิ่น หมู่บ้านเก่าแก่บนภูเขาที่งดงามด้วยประวัติศาสตร์ที่เป๋นเอกลักษณ์ ในอดีตเคยเป็นแหล่งเหมืองแร่ทองคำที่เก่าแก่ มีทิวทัศน์ชายฝั่งที่สวยงาม และเป็นสถานที่สำหรับถ่ายภาพยนตร์เรื่อง A CITY OF SADNESS ที่โด่งดัง ถนนสายเก่าแก่ของหมู่บ้าน จิ่วเฟิ่นนี้เต็มไปด้วยสิ่งของหลายอย่างตั้งแต่ของกินเล่นไปจนถึงสินค้ากระจุกกระจิก ที่สวยงามและเป็นงานฝีมือ สิ่งต่างๆเหล่านี้รวมถึงความเป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านแห่งนี้
เขตทิวทัศน์แห่งชาติตะวันออกเฉียงเหนือ เริ่มต้นจากที่ราบลุ่มปากแม่น้ำหลันหยาง มี เมืองอี๋หลาน ตั้ มีแม่นํ้าลำธารมากมายไหลสลับกัน มีความอุดมสมบูรณ์มาก และเมืองที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งอาบน้ำแร่ที่ดีมีชื่อเสียงของไต้หวันอีกด้วย หากเดินทางจากกรุงไทเปจะได้ลอดอุโมงค์เสวี่ยซัน ที่มีความ ยาวถึง 12.9 กิโลเมตร เป็นอุโมงค์ทางถนนที่ยาวเป็นอันดับ 5ของโลกและยาวเป็น อันดับ 2 ของเอเชีย ถัดลงไปจะเป็นเขตทิวทัศน์แห่งชาติริมฝั่งทะเลตะวันออก มีทิวทัศน์สวยงามทอดยาวตลอดชายฝั่งด้านตะวันออกไปจนถึงทิศใต้ ในเขตมณฑลฮัวเหลียนมีเขตภูมิทัศน์ หน้าผาชิงสุ่ย พบกับทัศนียภาพอันตื่นตาตื่น ใจทั้งสองข้างทาง เนื่องจากฝั่งหนึ่งเป็นทัศนียภาพอันสวยงามของมหาสมุทรแปซิฟิค และอีกฝั่งหนึ่งเป็นทัศนียภาพอันสวยงาม ของหน้าผาขุนเขาสูงตระหง่านกว่า 100 เมตร และสูงชันเกือบจะเป็นแนวตั้ง จนถึง อุทยานแห่งชาติไท่หลู่เก๋อ หรือ อุทยานแห่งชาติทาโระโกะ ลักษณะภูมิประเทศเป็นหุบเขาอันลึก มีหมอกอยู่ริมลำธาร ทิวทัศน์ซึ่งเป็นความงามที่สร้างชื่อไปทั่วโลก มีวัฒนธรรมประเพณีที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เส้นทางจากเทียนเสียงจนถึงทาโรโกะถือเป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ เลาะเลียบริมหน้าผาของ หุบเขาหินอ่อนไปตลอดแนว
ชายฝั่งด้านตะวันออก ตั้งแต่ ปากแม่น้ำฮวาเหลียนทางทิศเหนือไปจนจรดกับเสี่ยวเย๋หลิวทางทิศใต้ ในเขตจังหวัดไถตง เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ ตั้งแต่ สือทีผิง ในฮัวเหลียนทางใต้ เป็นเมืองที่มีชายฝั่งลักษณะโดดเด่นแปลกตาที่สุดแห่งหนึ่ง ด้วยหินภูเขาไฟที่ถูกคลื่นซัดมาเป็นเวลานานและยกระดับขึ้นมาเหนือผิวน้ำเป็นชั้นหินที่ลดหลั่นกันไป นอกจากนี้บนชายฝั่งยังมีหลุมเล็กใหญ่ที่เกิดจากการกัดกร่อนของน้ำทะเล จึงทำให้ทิวทัศน์บริเวณนี้ดูแปลกตาน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก บริเวณนี้มี อนุสรณ์สถานตำแหน่งเส้นทรอปิคออฟแคนเซอร์ ที่อำเภอรุ่ยสุย เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อแสดงจุดที่เส้น Tropic of Cancer พาดผ่าน เมื่อข้ามเข้าเขตแดนจังหวัดไถตง มี ถํ้าแปดเซียน ตั้งอยู่บนหน้าผาหันหน้าเข้าหาทะเล เป็นถํ้าที่ถูกกัดเซาะจากนํ้าทะเล เลียบชายฝั่งลงใต้อีกไม่ไกล จะพบกับ ระเบียงสามเซียน ซานเซียนไถ เป็นชายฝั่งแห่งเดียวที่มีประการังเชื่อมต่อกันจนเกิดเป็นแห่งท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยเนินประการังเล็กๆแห่งนี้มีหิน 3 ก้อนใหญ่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่น สามารถเดินข้ามสะพานจากชายฝั่งไปยังเกาะชมหลุมน้ำบนแนวแผ่นหินรอบๆเนิน ถ้ำหินที่ถูกน้ำกัดเซาะจนมีรูปร่างที่แปลกตา และ เสี่ยวเย่หลิว หรือ เย่หลิวน้อย เป็นจุดที่อยู่ทิศใต้สุดของชายฝั่งตะวันออก เป็นโขดหินทราย อุดมไปด้วยแนวประการังที่เรียงตัวกันเป็นชั้น และมีต้นไทรทะเล มีหินรูปร่าง แปลกประหลาดมากมาย เช่น หินเต้าหู้ หินรังผึ้ง หินทรงเห็ด
ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะไต้หวัน เป็นเขตจังหวัดไถตง ซึ่งชื่อเมืองนี้มีความหมายว่า “เมืองทางทิศตะวันออกของไต้หวัน” แต่คนจะรู้จักในชื่อของ หัวซาน แต่โดยมากแล้วคนในท่องถิ่นจะจะให้ความหมายของชื่อเมืองนี้ว่า Behind the mountains หรือ Back mountains ตัวเมืองตั้งอยู่บนที่ราบขนาดเล็กระหว่างภูเขาและมหาสมุทร บริเวณทางตอนใต้ของหุบเขาทรุดฝั่งตะวันออก เมืองไถจง มี พิพิธภัณฑ์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ที่จัดแสดงโลงศพหินกว่า 1500 โลง รวมทั้งโบราณวัตถุและเครื่องปั้นดินเผากว่า 20,000 ชิ้น หมู่บ้านดนตรีเถียฮวา ที่เป็นแหล่งรวมเสียงดนตรีและเสียงเพลงของชาวพื้นเมือง และ ตลาดเปิดท้ายมั่นจื่อ ซึ่งเป็นแหล่งรวมงานศิลปะ และสินค้าโอท็อปจากทั่วทุกมุมของเมืองไถตง ส่วนเขตหุบเขาทรุดตะวันออกมีภูมิทัศน์ที่สำคัญคือ ลี่จี๋แบดแลนด์ ที่เกิดจากการยกตัวของดินตะกอนใต้ท้องทะเลขึ้นเหนือระดับน้ำทะเลและถูกกัดเซาะจากลมฝนต่อเนื่องยาวนานเซาะหน้าดินหลุดล่อนเป็นร่องรอยจนไม่มีพืชขึ้นคลุมหน้าดิน กลายเป็นลักษณะภูมิประเทศที่แปลกตา คล้ายคลึงกับพื้นผิวโลกพระจันทร์ และ เขาหวงซานน้อย หรือที่รู้จักกันในนาม ผาแดงแห่งไถตง ที่ตั้งขนานไปกับแม่น้ำไป่หนานยาวถึงสี่กิโลเมตร ภาพหน้าผายาวสะท้อนบนสายน้ำไป่หนาน ก่อให้เกิดทัศนียภาพพาโนรามาอันงดงามราวกับภาพเขียนพู่กันจีนโบราณ
ภาคใต้ของไต้หว้น เป็นเขต จังหวัดเกาสง ปลายสุดของเกาะไต้หวันคือ เขิ่นติง เป็นชื่อเรียกดินแดนใต้สุดของคาบสมุทรเหิงชุนของไต้หวัน เป็นดินแดนแห่งน้ำทะเลใส มีหาดทรายขาวสะอาด มีต้นไม้เขียวขจี มีท้องฟ้าสวยสดใส มีอากาศสะอาด และอุณหภูมิอบอุ่นตลอดทั้งปี มีหมู่บ้านเงียบสงบและน่ารัก มี ตลาดกลางคืน เขิ่นติงต้าเจีย ที่คึกคัก และยังเป็นที่ตั้งของ ประภาคารเอ๋อหลวนปี้ ในอุทยานแห่งชาติเขิ่นติง ถูกสร้างขึ้นระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกและช่องแคบไต้หวัน ได้ฉายาว่า "แสงของเอเชียตะวันออก" เพราะมันคือประภาคารมีประสิทธิภาพมากที่สุดในหมู่กระโจมไฟของไต้หวัน และยังถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แทนจุดใต้สุดของไต้หวันอีกด้วย ในเมืองเขิ่นติ้ง เป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์ศูนย์วิจัยทางทะเล และอควาเรียม ที่มีอควาเรียมสัตว์น้ำใต้ทะเลลึกที่ดีที่สุดของไต้หวัน มีอุโมงค์ใต้น้ำที่มีความยาวถึง 81 เมตร ใกล้ๆกับอุทยานแห่งชาติเขิ่นติง ยังมี เมืองโบราณเหิงชุน และ บ่อไฟ ที่มีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมาจากพื้นดิน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์อันพิเศษ เป็นทิวทัศน์แปลกๆ เพราะมีไฟออกมาจากพื้นดินตลอด เนื่องจากใต้ดินมีแก๊สธรรมชาติ ส่วน เมืองเกาสง เป็นเมืองใหญ่ที่สุดอันดับสองของไต้หวัน และเป็นศูนย์กลางสำคัญของอุตสาหกรรมการผลิต การกลั่นน้ำมัน การขนส่ง และเป็นเมืองท่าเรือที่สำคัญ ท่าเรือของเกาสงเป็น 1 ใน 4 ของท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของโลก มี สวนสนุก E-DA WORLD บนเนื้อที่กว่า 8600 ตารางเมตร กับเครื่องเล่นมากกว่า 47 ชิ้น และ E-DA OUTLET MALL สำหรับท่านที่ชื่นชอบการช้อปปิ้งสินค้าร้านค้ากว่า 200 ร้าน มี แม่น้ำแห่งความรัก ไหลผ่านตัวเมืองเกาสง ช่วยสร้างบรรยากาศสุดแสนโรแมนติคให้กับมหานครแห่งนี้ สำหรับท่านที่ชื่นชอบการเดินทางด้วยรถไฟความเร็วสูง เกาสง มี รถไฟหัวจรวด มีความเร็วถึง 300 กม./ชั่วโมง สาย ไทเป - ไถจง - ไถหนาน - เกาสง ที่ใช้เวลาเดินทางเพียง 3 ชั่วโมง บริเวณรอบนอกตัวเมืองเกาสง มีเขตทิวทัศน์ที่สวยงามมากมาย เช่นที่อำเภอหยางเจา มีภูเขาไฟโคลนจำนวนมาก แต่ที่ใหญ่ที่สุดคือ ภูเขาไฟโคลนอู่ซานติ่ง ที่เกิดจากความร้อนใต้แทรกผ่านรอยเลื่อนใต้ของแผ่นเปลือกโลก ผสมกับน้ำใต้ดินและหินโคลนกลายสภาพเป็นโคลนเดือดพร้อมก๊าซร้อนแรงดันสูงแทรกผ่านรอยแยกผิวดินขึ้นมาฟอร์มตัวเป็นภูเขาไฟโคลน หรือ หุบเขาโลกพระจันทร์เทียนเหลียว ที่เกิดจากการกัดเซาะของฝนและสายน้ำที่เซาะเอาหน้าดินร่วนออกมาปีแล้วปีเล่า เหลือไว้แต่ดินแห้งแข็ง เต็มไปด้วยขอบสันแข็งระหว่างร่องน้ำ หรือยอดปลายแหลม ที่ปราศจากพืชพรรณใดๆ ดูน่าพิศวงในความงดงามแฝงไว้ด้วยแปลกประหลาด คล้ายพื้นผิวโลกพระจันทร์ กับ ทะเลสาบนํ้าใสโปร่งที่ได้ชมกันว่าเป็น “ซีหู” แห่งไต้หวัน สำหรับท่านที่ต้องการสักการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เกาสง ก็มี เจดีย์เสือ เจดีย์มังกร ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกแก่เทพเจ้ากวนอู เทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์ และ วัดโฝกวังซัน ที่มีประวัติศาสตร์มายาวนาน ภายในตัววัดยังมีการก่อสร้างโบสถ์ที่สวยงาม,รูปปั้นพระโพธิสัตว์องค์ใหญ่บนเขาและรูปปั้นพระอรหันต์หลายร้อยองค์รายรอบ
ชายฝั่งด้านตะวันตก มี จังหวัดไถหนาน และไถจง เมืองไถหนานที่สร้างโดยชาวเนเธอร์แลนด์เมื่อ 300 ปีก่อน สมัยราชวงศ์หมิงวีรบุรุษเจิ้งเฉิงกงได้ขับไล่ชาวเนเธอร์แลนด์ออกจากไต้หวัน และเริ่มสร้างศาลบูชาขงจื้อ (ขงจื่อ) ซึ่งไต้ตั้งโรงเรียนแห่งแรกของไต้หวัน ในปี 1685 หลังจากราชวงศ์ชิงได้มาควบคุมไต้หวันทำการค้าเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันก็มีผู้อพยพมาไต้หวัน เพื่อมาทำการบุกเบิกที่ดินที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีผู้อพยพมาไต้หวันเป็นจำนวนมาก ศิลปะพื้นเมืองทางด้านประวัติศาสตร์และมนุษยศาสตร์และมนุษยศาสตร์ของเมืองแห่งนี้ยังได้รักษาสภาพไว้อย่างครบสมบูรณ์ ซึ่งเป็นเมืองวัฒนธรรมแห่งเดียวเป็นพิเศษ และเป็นพิพิภัณฑ์ ประวัติศาสตร์ตัวอย่างที่เป็นจริงที่ได้เห็นในปัจจุบัน บน ถนนเฉินหนง เป็นย่านเก่าแก่ โบราณ และเป็นจุดเริ่มต้นทางประวัติศาสตร์ของไถหนานและไต้หวัน เนื่องจากเคยเป็นท่าเรือโบราณมาก่อนครั้งมีการเริ่มต้นตั้งรกรากในไต้หวัน มีศาลเจ้าสำคัญ สำหรับเทพเจ้าแห่งลม ซึ่งเป็นที่นับถือของชาวประมง และพ่อค้าในสมัยโบราณ และมี ตลาดดอกไม้กลางคืนไถหนาน ที่ใหญ่ที่สุดในไถหนาน ของขายเยอะมาก จุดแรกที่เด่นๆของตลาดเลยก็คือ ร้านเล่นเกมส์ มีทั้งปาลูกโป่ง บิงโก ยิงปืน คีบตุ๊กตา ตักไข่ และตักปลา เป็นสถานที่เหมาะสำหรับวัยรุ่นและเด็ก และมีอาหารที่หลากหลาย บริเวณชายฝั่งทะเล มี ภูเขาเกลือชีกู่ ที่นี่ในอดีตเคยเป็นแหล่งผลิตเกลือที่สำคัญของไต้หวันอยู่เรื่อยมาโดยตลอดจนถึงปี 2002 จึงเลิกไป รวมเวลาทั้งหมด 338 ปี และกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแทน ความที่มีเกลือกองเป็นภูเขาดูแล้วคล้ายภูเขาหิมะ ทำให้มีคนเรียกว่าที่นี่เป็น เขาฉางไป๋ซานแห่งไต้หวันตอนใต้ และยังมี พิพิธภัณฑ์เกลือไต้หวัน ภายในจัดแสดงประวัติศาสตร์การผลิตเกลือของไต้หวัน
ที่เขตเป่ยเหมิน มี นาเกลือกระเบื้องจิ๋งไจ๋เจี่ยว โดยปูแผ่นกระเบื้องแตกมาปูบนพื้นดินในนาเกลือ เพื่อหลีกเลี่ยงเกลือหยาบเหนียวติดหน้าดิน และเพื่อความสะดวกในการเก็บ กระเบื้องที่แช่อยู่ในน้ำทะเลตื้นๆ เมื่อถูกแสงแดดสาดส่องลงมา ก็ก่อให้เกิดสีสรรหลากหลายราวกระเบื้องสีโมเสคแฝงคุณค่าของฝีมือมนุษย์ที่ล้ำเลิศเทียมฟ้า
จากไถหนาน เลียบชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกขึ้นไปตอนเหนือ คือ จังหวัดไถจง เมืองใหญ่อันดับที่ 3 เป็นศูนย์วัฒนธรรมการศึกษา เศรษฐกิจและการคมนาคมและในขณะเดียวกันก็เป็นศูนย์วัฒนธรรมทางพุทธศาสนาของไต้หวัน มีแหล่งท่องเที่ยวอันโดเด่นฝนตัวเมือง คือ หมู่บ้านสายรุ้ง หมู่บ้านเล็กๆแต่มากเสน่ห์สร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1940 – 1950 เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยชั่วคราวสำหรับทหาร มีอดีตทหารผ่านศึกที่ได้สร้างภาพวาดหลากสีสันที่ถือเป็นส่วนหนึ่งของภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมที่สวยงาม และสร้างความมีชีวิตชีวาจากสีสันของภาพวาดที่เริ่มจากบ้านหลังหนึ่งไปสู่บ้านอีกหลายๆหลังในเขตหมู่บ้านสายรุ้ง และที่ขาดไม่ได้คือ ตลาดกลางคืน ฝงเจี่ยไนท์มาร์เก็ต ที่คนไต้หวันไม่มีใครที่ไม่รู้จักหรือไม่เคยได้ยิน เนื่องจากตลาดกลางคืนแห่งนี้ เปรียบได้กับว่าเป็นสัญลักษณ์ของชีวิตกลางคืนประจํานครไถจง และมีชื่อเสียงเทียบเท่ากับตลาดนัดกลางคืนซื่อหลินในไทเป
ตอนกลางของไต้หวันเป็นเขตภูเขาสูง ที่ลดหลั่นกันไป เป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับการทำการเกษตร ทำนาข้าว เพาะปลูกชา ทำให้พื้นที่ดังกล่าวแลดูเขียวชอุ่ม มีสภาพแวดล้อมที่ดี เมืองนี้มั่งคั่งด้วยทรัพยากร และทัศนียภาพที่สวยงาม จนได้รับการขนานนามว่า สวิตเซอร์แลนด์ตะวันออก ในเขตหนานโถว มีวัดสำคัญคือ วัดจงไถฉานซื่อ เป็นศาสนาสถานที่ยิ่งใหญ่เป็นอันดับสามของโลกรองจาก นครวาติกัล และวัดมหายานที่ธิเบต เป็นวัดใหญ่ 1 ใน 4 วัดของไต้หวัน เป็นวัดใหญ่ประจำภาคกลางของไต้หวัน นอกจากนี้ยังเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่มีห้องเรียนหลายพันห้องเพื่อให้พระสงฆ์ได้ศึกษาพระธรรม มีโครงสร้างที่แข็งแกร่งมาก เมื่อปี 1999 เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง ทำให้หมู่บ้านใกล้วัดถูกกลืนหายไปแต่วัดนี้กลับไม่เป็นอะไรเลย นับตั้งแต่นั้นมากผู้คนต่างพากันเลื่อมใส่ศรัทธาเป็นอย่างมาก และมีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุด คือ ทะเลสาบสุริยัน จันทรา เป็นทะเลสาบธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดของไต้หวันอยู่เหนือระดับนํ้าทะเล 760 เมตร มีเนื้อที่ 900 เฮคตาร์ มีเกาะที่มีชื่อว่า กวง หวา เต่า ซึ่งเป็นเกาะที่เล็กที่สุดในโลกตั้งอยู่กลางทะเลสาบ ด้านทิศเหนือของทะเลสาบมีรูปทรงคล้ายพระอาทิตย์ ส่วนด้านทิศใต้นั้นมีรูปทรงคล้ายพระจันทร์เสี้ยว จึงถูกขนานนามว่า ทะเลสาบสุริยัน จันทรา มีภูเขาสลับซับซ้อนล้อมรอบประกอบกับมีทัศนียภาพของนํ้า และภูเขาที่สวยงาม เมื่อก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทะเลสาบจะแบ่งเป็น 2 ซีก คั่นด้วยทางเดินที่เป็นเกาะลาหลู เวลาเรามองไปที่ทะเลสาบ จะเห็นเป็น 2 ซีก ซีกนึงจะเห็นพระอาทิตย์ อีกซีกนึงจะเห็นพระจันทร์พร้อมๆ กัน แต่ตอนนี้ปรากฏการณ์แบบนั้นไม่มีแล้ว แผ่นดินไหวทำให้เกาะตรงกลางหายไป ตอนนี้เหลือแต่อีกปรากฏการณ์นึงที่เกิดวันพระจันทร์เต็มดวง ตอนที่พระจันทร์ขึ้นเต็มที่แล้ว แสงจะสะท้อนลงไปที่ทะเลสาบ ให้เห็นเป็นพระอาทิตย์ จะดูเหมือนว่ามีทั้งพระอาทิตย์และพระจันทร์อยู่พร้อมๆ กัน
เขตทิวทัศน์แห่งชาติอาหลี่ซัน เป็นอีกหนึ่งภูมิทัศน์อัศจรรย์ของไต้หวัน ในอดีตมีเทพนิยายอันสวยงามที่ได้เล่าลือกันมา ว่าหากได้ชมดูความสวยงานของทะเลเมฆและพระอาทิตย์โผล่ออกจากแนวระดับพื้นผิวโลก จะทำให้ผู้ที่มาท่องเที่ยวมีจิตใจเบิกบานร่าเริงตลอดไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนมีนาคม ดอกซากุระจะบานสะพรั่งตลอดสองข้างทางของพื้นป่า ตามเส้นทางรถไฟลาดผ่านตามแนวภูเขา ลอดผ่านอุโมงค์และสะพาน ที่ทอดยาวผ่านกลางป่าที่ปกคลุมด้วยเมฆหมอกและพระอาทิตย์อัสดง กลายเป็นภาพที่เย้ายวนใจให้นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลเข้ามาสัมผัสความงามของอุทยานเขาอาหลีซัน
ตลาดของกินกลางคืน ถือเป็นสัญลักษณ์ที่นักท่องเที่ยวทุกคนต่างอยากสัมผัส เป็นสวรรค์ของเหล่าบรรดานักชิมจากทั่วทุกมุมโลก ทั้งอาหารจานเด็ดไปจนถึงอาหารจานพิสดารที่มีให้เลือกชิมตั้งแต่หัวตลาดยันท้ายตลาด และแหล่งช้อปปิ้งสินค้าทั้งปลีกและส่งที่มีให้เลือกจนละลานตา ทั่วทั้งประเทศ ไทเป ก็มี ตลาดซื่อหลิน ซึ่งเป็นตลาดกลางคืนที่ใหญ่ที่สุดของไทเป ที่นี่นักท่องเที่ยวจะเพลิดเพลินไปกับของกินตลอดสองข้างทาง ของกินที่เป็นซิกเนเจอร์ของที่นี่คือ เต้าหู้เหม็น ที่มีคนบอกว่าถ้าใครมาไต้หวันแล้วไม่ได้มากินเต้าหู้เหม็นเหมือนมาไม่ถึง และยังมี ขนมเค้กรวมมิตรทอด ที่มีลักษณะเหมือนขนมเค้กก้อนใหญ่ ที่ห่อขนมเค้กก้อนเล็กๆ เอาไว้นอกจากนี้ภายในตลาด และยังมี ไส้กรอกซื่อหลิน ตัวตลาดแบ่งเป็นโซน ๆ ทั้งเสื้อผ้าของใช้ ของฝากเบ็ดเตล็ด เครื่องเขียน ยิ่งช่วงตอนเย็นคนจะยิ่งทยอยมากันจนแน่นตลาด ทำให้ตลาดกลางคืนซือหลินเป็นตลาดที่ผู้คนคึกคักและมีสีสันอีกแห่งหนึ่งของโลก หากอยากช้อปปิ้ง ย่านซีเหมินติง เป็นย่านถนนคนเดิน แหล่งช้อปปิ้ง กิน เที่ยวที่โด่งดังในเมือง ที่นี่เป็นศูนย์รวมแห่งแฟชั่นทั้งสไตล์ ไต้หวัน เกาหลี ญี่ปุ่น รุ่นใหม่ทันสมัยให้เลือกซื้อเลือกช้อปกันอย่างจุใจ นอกจากเป็นแหล่งเสื้อผ้าแฟชั่นแล้ว ซีเหมินติง ยังเป็นโซนจุดที่มีอาหารหลากหลายให้นักท่องเที่ยวเลือกชิมได้อย่างจุใจ