อูลันบาตอร์ Ulaanbaatar

อูลันบาตอร์
Ulaanbaatar

อูลันบาตอร์ Ulaanbaatar เมืองหลวงยุคใหม่ของประเทศมองโกเลีย ที่ถูกสถาปนาให้เป็นศูนย์กลางทั้งทางด้านการเมืองการปกครองและด้านพุทธศาสนา เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ในระดับความสูง 1,310 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีแม่น้ำสายสำคัญสายหลักคือแม่น้ำทูลไหลผ่าน

อูลันบาตอร์ แปลว่า วีรบุรุษแดง ตั้งชื่อเป็นเกียรติแก่วีรบุรุษของมองโกเลียชื่อ Damdin Suhbaatar ที่ได้ร่วมกับทหารรัสเซียปลดปล่อย เมืองหลวงยุคใหม่ของประเทศมองโกเลีย ที่ได้รับ การสถาปนาให้เป็นศูนย์กลางทั้งทางด้านการเมืองการปกครองและด้านพุทธศาสนา ประเทศ มองโกเลียเป็นประเทศในทวีปเอเชียที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกรองจาก ประเทศคาซัคสถาน มีพรมแดนทางเหนือติดกับประเทศรัสเซีย และทางใต้ติดกับประเทศจีน มีพื้นที่ ที่สามารถใช้ส าหรับการเกษตรได้น้อยกว่าร้อยละหนึ่ง มีประชากรเพียง 3 ล้านกว่าคน แต่มีพื้นที่ ใหญ่กว่าประเทศไทยถึง 3 เท่า ซึ่งท าให้ประเทศมองโกเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหนาแน่นของ ประชากรน้อยที่สุดในโลก ซึ่งประชากรส่วนมากนับถือพุทธนิกายวัชรยานแบบทิเบต และประชากร 38% อาศัยอยู่ในเมืองหลวงอูลันบาตอร์นี้ อย่างไรก็ดีอย่าแปลกใจหากท่านพบว่าในเมืองหลวงแห่งนี้ จะเต็มไปด้วยรถราและการจราจรอันคับคั่งเปรียบเสมือนกรุงเทพฯ หรือมหานครอื่น ๆ ในบางวัน)

 

วัดกานดาน Gandan Monastery

ชื่อเดิมคือ อารามสีเหลือง Shar Sum สร้างขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1809 โดยบอกด์ ข่านที่ห้า แห่งมองโกเลีย ต่อมาปี ค.ศ. 1838 ย้ายมาตั้งอยู่ใจกลางเมืองอูลานบาตอร์ เพื่อเป็นที่พำนักของบอกด์ ข่านที่แปด และองค์ดาไลลามะที่ 13 ออกแบบโดยสถาปนิกชาวมองโกเลีย สถาปัตยกรรมสไตล์ทิเบตในศาสนาพุทธ สร้างด้วยไม้ อิฐ ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น อารามกันดานเท็กชินเลน Gandantegchinlen Monastery ที่มีความหมายว่า “สถานที่แห่งความสุขสมบูรณ์” ในปี ค.ศ. 1925 ภายในอาคารเป็นที่ประดิษฐสถานรูปปั้นพระอวโลกิเตศวร ปางยืนในร่มที่สูงที่สุดในโลก ความสูง 26.5 เมตร ต่อมาใน ค.ศ. 1930 ช่วงการปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ที่ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของโจเซฟสตาลิน แห่งสหภาพโซเวียต ได้เข้ามาทำลายอารามทั่วประเทศกว่า 900 แห่ง สังหารลามะนักบวชนิกายมหายาน แบบธิเบตที่สวมหมวกเหลืองสีเหลืองสวมชุดสีเหลืองแดง จำนวนกว่า 15,000 องค์ รวมทั้งทำลายรูปปั้นเพราะต้องการนำทองคำ ทองแดงไปใช้สำหรับทำกระสุน อารามถูกสั่งปิดในปี ค.ศ. 1938 เพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับกองทัพแห่งสหภาพโซเวียต จนกระทั่งปี ค.ศ. 1944 ได้รับอนุญาตให้เปิดขึ้นอีกครั้ง

ต่อมาในปี ค.ศ. 1996 อาคารเป็นที่ประดิษฐสถานรูปปั้นพระอวโลกิเตศวร ได้รับการบูรณะปรับปรุง ด้วยเงินสนับสนุนเงินสิ่งของมีค่าจากประชาชนภายในประเทศ และต่างประเทศ ปัจจุบันรูปปั้นพระอวโลกิเตศวร ลงรักปิดด้วยทองคำแท้ ทองคำเปลวทั้งองค์ ตกแต่งด้วยอัญมณีล้ำค่ากว่า 2,286 ชิ้น ห่อหุ้มด้วยผ้าปักทองคำ และผ้าไหมอีกชั้น มีน้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม บริเวณรอบๆ ตกแต่งด้วยรูปปั้นที่มีสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนา เมื่อมองขึ้นไปจะพบกับเพดานทองคำสีเหลืองสุกสว่างงดงาม

วิหารอชิดารา Ochidara

สำหรับเป็นสถานที่จัดพิธีสำคัญทางศาสนา วัดวัชรดารา Vajradhara และ วัดซู Dzu มี วิหารเดดันโปรวาน Dedanprovan สร้างขึ้นในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เป็นอาคารสองชั้น ในปี ค.ศ. 1904 เป็นที่พักอาศัยขององค์ดาไลลามะที่ 13 ปัจจุบันเป็นห้องสมุดมีหนังสือมากกว่า 50,000 เล่ม และยังเป็นที่ตั้ง มหาวิทยาลัยสงฆ์ ศึกษาด้านพุทธปรัชญา การแพทย์แผนโบราณ และโหราศาสตร์ ซึ่งมีพระสงฆ์จำพรรษากว่า 500 รูป ที่บรรจุพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งภาษามองโกเลีย ทิเบต และสันสกฤต

จตุรัสซุคบาทาร์ Sukhbaatar Square

สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1946 ตั้งอยู่ใจกลางเมืองอูลันบาตาร์ เป็นลานกว้างไว้สำหรับจัดกิจกรรมงานเฉลิมฉลองเอกราช เดินเล่นพักผ่อนยามเย็น บริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยสถานที่ทางราชการ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น อาคารรัฐสภา พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ พิพิธภัณฑ์ทางธรรมชาติ โรงละครแห่งชาติ ตลาดหลักทรัพย์ ตึกเรือใบสูงที่สุดในมองโกเลีย และห้างสรรพสินค้า Tower State department store 

อนุสาวรีย์แดมดิน ซุคบาตาร์ Damdin Sukhbaatar Monument

ตั้งอยู่ตรงกลางจัตุรัสซัคบาทาร์ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 2006 ด้วยทองสัมฤทธิ์ เพื่อเฉลิมฉลองการครบรอบ 800 ปี การก่อตั้งจักรวรรดิมองโกเลีย เพื่อเป็นเกียรติและระลึกถึง แดมดิน ซุคบาตาร์ ผู้ก่อตั้งพรรคประชาชนมองโกเลีย ผู้นำการปฏิวัติประกาศอิสรภาพจากการยึดครองของจีนสมัยราชวงศ์ชิง ด้านหลังอนุสาวรีย์แดมดิน ชุคบาตาร์ คือที่ตั้งของอาคารรัฐสภาสร้างจากหินอ่อนขนาดใหญ่ ด้านหน้าของอาคารรัฐสภามีรูปปั้นของบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ 3 ท่าน ได้แก่ ตรงกลาง รูปปั้นเจงกิสข่าน Genghis Khan ขนาดใหญ่นั่งอยู่โดดเด่น ขนาบข้างด้วย รูปปั้นโอกิไดข่าน Ogedei Khan ลูกชายคนที่สามของเจงกิสข่าน และ กุบไลข่าน Kublai Khan หลานชายของเจงกิสข่าน บุคคลทั้งสองช่วยขยายดินแดนต่อจากเจงกิสข่าน

พิพิธภัณฑ์กลางไดโนเสาร์มองโกเลีย Central Museum of Mongolian Dinosaurs

เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปีพ. ศ. 2557 เพื่อรักษามรดกทางประวัติศาสต์ธรรมชาติ และส่งเสริมการค้นพบและเรียนรู้เกี่ยวกับซากบรรพชีวิน และฟอสซิลดึกดำบรรพ์ มองโกเลียเป็นประเทศของไดโนเสาร์ มีการค้นพบซากดึกดำบรรพ์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมาย ยังมีการจัดการแสดง โครงกระดูกไดโนเสาร์ ซากฟอซซิส พันธ์ต่างๆ ไข่ไดโนเสาร์ ร่องรอยการต่อสู้ไดโนเสาร์ ที่ขุดพบในทะเลทรายโกบี ฯลฯ จากทะเลทรายโกบี

พิพิธภัณฑ์แห่งชาติมองโกเลีย National Museum of Mongolia

เดิมชื่อ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ National History Museum เปิดดำเนินการครั้งแรกในปี ค.ศ.1924 บอกเล่าประวัติความเป็นมาของมองโกเลียศิลปวัฒนธรรม ตั้งแต่ก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน ภายในอาคารแบ่งเป็นสี่ชั้น ได้แก่ ชั้นแรกจัดแสดงประวัติศาสตร์สมัยโบราณ ชั้นที่สองยุคกลาง บอกเล่าเรื่องราวการขยายอาณาเขตที่ยิ่งใหญ่ของมองโกเลีย ยุคจักรวรรดิมองโกเลียมองโกเลียในการปกครองของแมนจูเรีย ชั้นที่สาม ยุคชาติพันธุ์วัฒนธรรมดั้งเดิมของมองโกเลีย และยุคปัจจุบัน ซึ่งในแต่ละชั้นเต็มไปด้วยวัตถุโบราณล้ำค่าทางประวัติศาสตร์กว่า 15,000 ชิ้น ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของชนเผ่าเร่ร่อนและทหารมองโกเลีย ดาบ ถ้วยชาม เครื่องเงิน

พระราชวังฤดูหนาวข่านโบกด์ Winter Palace of Bogd Khaan

พระราชวังฤดูหนาวข่านโบกด์ Winter Palace of Bogd Khaan หรือ พระราชวังสีเขียว Green Palace สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1893 – 1903 เป็นที่ประทับของบอกด์ ข่าน ยาวนานถึง 20 ปี จนกระทั่งสวรรคตในปี ค.ศ. 1924 หลังจากนั้นได้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์พระราชวังฤดูหนาวของ บอกด์ ข่าน เปิดให้เข้าชมครั้งแรกในปี ค.ศ. 1926 และกองทุนโบราณสถานโลก (World Monuments Fund : WMF) ได้ประกาศให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรม เพื่อการอนุรักษ์ที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมประวัติศาสตร์มองโกเลียในศตวรรษที่ 17-20 สำหรับจัดแสดงศิลปวัตถุที่ทำด้วยฝีมืออย่างประณีต ทรงคุณค่าหาได้ยากมากกว่า 8,600 ชิ้นๆ โดยเฉพาะพวกภาพทังก้า (ผ้าพระบฎ) ที่เก่าแก่ ซึ่งมีทั้งภาพของพระศรีอริยเมตไตรย์ และพระอวโลกิเตศวร ที่วิจิตรและประณีตที่สุด

ประตูไม้ของพระราชวังที่สร้างตามสถาปัตยกรรมแบบทิเบต เพื่อเฉลิมฉลองอิสรภาพของมองโกเลียจากประเทศจีน มีความพิเศษตรงที่ใช้ไม้ประสานกัน 8 ชิ้น โดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว บานประตูสีแดงสดบนผนังประตูมีรูปวาดเทพเจ้าสององค์ หลังคาสีเขียว 7 ชั้น ตกแต่งลวดลายด้วยรูปสัญลักษณ์ทางศาสนา

พระราชวังฤดูหนาว Winter Palace

สถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปออกแบบโดยสถาปนิกชาวรัสเซีย เป็นอาคารสองชั้นสีขาว แบ่งเป็นห้องจัดแสดงสิ่งของมีค่ามากมาย เช่น เกอร์หรือกระโจม รองเท้าบูททองคำจากพระเจ้าซาร์นิโคลัสที่สองแห่งรัสเซีย รถม้า เครื่องแต่งกาย อัญมณี เครื่องเงิน เครื่องถ้วยชามสังคโลก แจกันหยก ชุดน้ำชา พระพุทธรูปแนววัชรยาน และ ภาพมันดาลา (Mandala) และใช้สำหรับฝึกสมาธิ

ส่วนที่สอง สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ.1893-1903 โดยโบกด์ ข่านที่แปด สถาปัตยกรรมแบบธิเบตเป็นอาคาร สำหรับประกอบพิธีกรรมตามหลักศาสนา ต้อนรับแขกที่มาเยือน

ประตูไม้ของพระราชวังที่สร้างตามสถาปัตยกรรมแบบทิเบต เพื่อเฉลิมฉลองอิสรภาพของมองโกเลียจากประเทศจีน มีความพิเศษตรงที่ใช้ไม้ประสานกัน 8 ชิ้น โดยไม่ใช้ตะปูแม้แต่ตัวเดียว บานประตูสีแดงสดบนผนังประตูมีรูปวาดเทพเจ้าสององค์ หลังคาสีเขียว 7 ชั้น ตกแต่งลวดลายด้วยรูปสัญลักษณ์ทางศาสนา

พิพิธภัณฑ์ วัดลามะเฉาจิง Choijin Lama Temple Museum

วัดลามะเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ ท่ามกลางตึกสูงกลางกรุงอูลันบาตาร์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พักของ ลามะลุฟซัง ไคดาฟ เฉาจิง Luvsan Khaidav Choijin น้องชายของ โบกด์ข่านองค์ที่ 8 เริ่มสร้างในปี ค.ศ. 1904 และเสร็จสิ้นในสี่ปีถัดมา แต่วัดนี้ได้ถูกปิดในปี ค.ศ. 1938 ในยุคคอมมิวนิสต์ ได้รับการประกาศและอนุรักษ์ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่อนุรักษ์ไว้ซึ่ง มรดกทางวัฒนธรรมอันยาวนาน ของโบราณวัตถุและสถานที่ทางพุทธศาสนา ในปี ค.ศ. 1942 และเปิดบริการ แก่สาธารณะชน ในปี ค.ศ. 1962

วิหารพระศากยมุนี Zuu Temple ชื่อวิหารได้มาจากคำในภาษาทิเบตว่า “Jowo” ซึ่งมีความหมายว่า พระพุทธเจ้าศากยมุนี Buddha Shakyamuni ภายในวิหารประดิษฐาน พระพุทธรูปปางมารวิชัย เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งอดีต, ปัจจุบัน และอนาคต บนผนังของวัดมีภาพวาด พระพุทธอรหันต์ทั้ง 16 องค์

ชม วิหารมหาราช Maharaja Temple อุทิศให้กับ ท้าวจตุโลกบาล หรือ จตุมหาราช ได้แก่ ท้าวธตรฐ ท้าววิรุฬหก ท้าววิรูปักษ์ และ ท้าวกุเวร หรือ ท้าวเวสสุวรรณ และไปชม วิหารแห่งสันติ Temple of Peace ได้รับการตั้งชื่อ โดยจักรพรรดิแมนจูเรีย ที่สื่อความหมายถึง การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า หลังคาของวิหาร มีรูปทรงโค้งมนแปดเหลี่ยม เหมือนกระโจมมองโกล เพื่อสื่อถึงสวรรค์ และทุ่งหญ้าของโลก ภายในวิหารประดิษฐานของพระพุทธทองสัมฤทธิ์ ที่มีความงดงามอย่างเป็นอย่างยิ่ง

ชม วิหารยาดัม Yadam Temple เป็นสถานที่สำหรับสวดมนต์ และนั่งสมาธิของเจ้าอาวาส เฉาจิง ลามะ ลุฟซัง ไคดาฟ ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานของ รูปปั้นทองสำริดของหนึ่งใน 84 สิทธาจากอินเดีย นอกจากนี้ยังมีภาพเทพต่างๆ ในท่านั่งสมาธิ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของพลังและความแข็งแกร่ง

สุดทายชม หอสวดมนต์ Prayer Hall ที่ถูกออกแบบเหมือนกระโจมมอง และ กำแพงโล่ห์ Shield Wall สูงเก้าเมตร และกว้างสิบหกเมตร ปกป้องอาราม จากอันตราย, อุปสรรค และพลังงานชั่วร้ายจากทุกทิศทาง สร้างในสมัยราชวงศ์ชิง ศตวรรษที่ 18 และ 20

วัดเฉาจิงลามะ Choijin Lama Temple

เป็นที่ประดิษฐาน องค์พระพุทธรูปทองสัมฤทธิ์ ของพระพุทธเจ้าศากยมุนี ซึ่งถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 ด้านข้างขององค์พระ ประดิษฐานรูปปั้นของพระลามะระดับสูง สององค์อยู่บนบัลลังก์ สร้างขึ้นด้วยประติมากรรมกระดาษอัด เปเปอร์มาเช่ Papier-Mâché ได้แก่ รูปปั้นของ เฉาจิง ลามะ ลุฟซัง ไคดาฟ Choijin Lama Luvsan Khaidav เจ้าอาวาสวัดซึ่งเป็นน้องชายของ โบกด์ข่านองค์ที่ 8 และ มัมมี่ของพระลามะธิเบต ซึ่งมีนามว่า ยงซองกัมปะ บาลดานชอมโบลิน Yonzonkhamba Baldanchoimbolyn พระอาจารย์ของของ เฉาจิงลามะ Choijin Lama ที่มรณภาพในปี ค.ศ. 1910 สังขารของท่านถูกพอกทับด้วยกระดาษและดินเหนียว เพื่อรักษาไว้ในรูปมัมมี่ ส่วนหัวทำด้วยประติมากรรมกระดาษอัด และแกะสลักในส่วนของใบหน้า นอกจากนี้ ยังจัดแสดง ชุดสำหรับการเต้นรำหน้ากาก Tsam Dance ที่ประกอบไปด้วย หน้ากาก และชุดที่ตกแต่งอย่างงดงาม

อนุสรณ์สถานแห่งการต่อสู้ไซซาน Zaisan Memory Hill

อนุสาวรีย์ขนาดใหญ่บนยอดเขาไซซาน ทางตอนใต้ของอูลานบาตอร์ สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติรำลึกถึงทหารมองโกเลียที่เข้าร่วมรบกับ ทหารสหภาพโซเวียตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สำหรับการครบรอบ 50 ปีของการปฏิวัติประกาศอิสรภาพของประเทศมองโกเลียบริเวณด้านล่างของเชิงเขาไซซาน เราจะพบกับรถถังของสหภาพโซเวียต จากนั้นเดินขึ้นบันได 612 ขั้น ใช้เวลาประมาณ 20 -30 นาที จะพบกับอนุสาวรีย์รูปทรงวงกลม ศิลปะแบบฟิวเจอร์ริสม์ Futurism ร่วมกับแนวคิดคิวบิสม์ Cubism รอบวงกลมๆ ตกแต่งด้วยคอนกรีตรูปปั้นซัคบาทาร์ โจเซฟ สตาลิน ส่วนภายในวงกลมเป็นภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังบนกระเบื้องหิน บอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ ระหว่างสหภาพโซเวียต และมองโกเลีย พร้อมกับชมวิวเมืองอูลานบาตอร์แบบ 360 องศา สามารถมองเห็นเมืองอูลันบาตาร์ได้ทั้งเมือง

ตลาดมืดนารันตูล Naran Tuul Black Market 

ตลาดมืดนารันตูล Naran Tuul Black Market ที่ใหญ่ที่สุดในมองโกเลีย ในช่วงฤดูร้อน จะมีคนมาจับจ่ายใช้สอยกว่า 60,000 คน โดยตลาดแห่งนี้ แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือด้านนอกกลางแจ้ง จะขาย ชุดพื้นเมืองมองโกเลีย พรม อุปกรณ์ขี่ม้า และของที่ระลึก และอีกส่วนคือ เป็นส่วนภายในอาคาร ซึ่งจำหน่าย พืช ผัก ผลไม้ ต่างๆ ที่นำเข้ามา จากรัสเซียและจีน เป็นส่วนใหญ่ รวมถึง ขนม ขนมปัง เค้ก ลูกอม และของฝากนานาชนิด
 
Visitors: 616,169