จิ่วหัวซาน ผู่โถวซาน อู่ตังซาน ฮุยโจว เส้าชิง ธรรมจาริก3ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์

จิ่วหัวซาน ผู่โถวซาน อู่ตังซาน ฮุยโจว เส้าชิง ธรรมจาริก3ขุนเขาศักดิ์สิทธิ์

4 พุทธคีรี เรืองนามแห่งพุทธศาสนา จีนเรียกว่า “โฝเจี้ยวซื่อต้าหมิงซาน” 佛教四大名山 เชื่อกันว่าเป็นที่สถิตของพระโพธิสัตว์ทั้งสี่ ได้แก่ พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ พระสมันตภัทรโพธิสัตว์ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ (หรือพระโพธิสัตว์กวนอิม) และพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ พุทธคีรีทั้ง 4 แห่ง เป็นสถานที่ที่พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองมาก มีวัดวาอารามเนืองแน่น ผู้คนจึงรวมเรียกภูเขาทั้ง 4 แห่งนี้ว่า "จตุพุทธคีรีเรืองนามของจีน" มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั้งภายในและภายนอกประเทศ

รายนามขุนเขาทั้งสี่แห่งมีดังนี้คือ

1. เอ๋อร์เหมยซาน 峨嵋山 หรือ เขาง้อไบ๊ (หง่อไบ๊) เป็นขุนเขาทางทิศตะวันตก อยู่ที่มณฑลเสฉวน(ซื่อชวน) 四川 สูงจากระดับน้ำทะเล 3,099 เมตร เป็นที่สถิตของพระสมันตภัทรโพธิสัตว์ หรือผู่เสียนผูซ่า(โผวเฮี้ยงผ่อสัก) 普贤菩萨

2. อู่ไถซาน 五台山 เป็นขุนเขาทางทิศเหนือ อยู่ในมณฑลซานซี 山西 สูงจากระดับน้ำทะเล 3,058 เมตร เป็นที่สถิตของพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ หรือเหวินซูผูซ่า(บุ่งซู้ผ่อสัก) 文殊菩萨

3. ผู่โถวซาน 普陀山 เป็นขุนเขาทางทิศตะวันออก อยู่บนเกาะโจวซาน 舟山岛 นอกชายฝั่งทะเลมณฑลเจ้อเจียง 浙江 เขาผู่ถัวซาน สูงจากระดับน้ำทะเลเพียง 284 เมตร เป็นที่สถิตของพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ หรือกวนอินผูซ่า(กวงอิมผ่อสัก) 观音菩萨

4. จิ่วหัวซาน 九华山 เป็นขุนเขาทางทิศใต้ อยู่ในมณฑลอันฮุย 安徽 สูงจากระดับน้ำทะเล 1,342 เมตร เป็นที่สถิตของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ หรือตี้จั้งหวางผูซ่า(ตี่จั่งอ๊วงผ่อสัก) 地藏王菩萨

นำท่านตามรอยพระพุทธศาสนา บนแผ่นดินมังกร กับทริปแสวงบุญพิเศษ สักการะ 2 พุทธคีรีศักดิ์สิทธิ์ จิ่วหัวซาน และ ผู่โถวซาน ที่สถิตของ 2 พระโพธิสัตว์ พระกษิติครรภ์ และ พระอวโลกิเตศวร พร้อมเยือนภูศักดิ์สิทธ์ของลัทธิเต๋า อู่ตังซาน หรือ บู๊ตึ๊ง ที่ เทพเจ้าเสวียนอู่ ปกปักรักษา พร้อม เยือนหมู่บ้านมรดกโลกของมณฑลอานฮุย เขตภูมิทัศน์ และวัฒนธรรมอันงดงาม ของเขตวัฒนธรรมฮุยโจว เมืองสวรรค์บนพื้นพิภฑ หังโจว และเขตภูมิทัศน์เค่อหยาน เมืองเส้าชิง

จิ่วหัวซาน หรือ ภูเก้าวิจิตร Jinhuashan九华山 แห่งมณฑลอานฮุย 1 ใน 4 พุทธบรรพตของจีนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของจีนตามความเชื่อท่านคือพระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์พระโพธิสัตว์แห่งความหวัง (ตี้จังหวัง地藏菩萨) และเป็นเขตทัศนียภาพการท่องเที่ยวที่สำคัญรุ่นแรกของประเทศจีนภูเขานี้ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองอำเภอชิง หยาง นครฉือโจว มณฑลอันฮุยไปทางด้านตะวันตกเฉียงใต้ 20 กิโลเมตร ปัจจุบันเป็นเขตท่องเที่ยวเกรด 5A แห่งชาติและเป็นเขตท่องเที่ยวชมทิวทัศน์เชิงวัฒนธรรมเชิงสาธิตระดับชาติได้รับการขนานนามว่าเป็นพุทธศาสนสถานลักษณะนานาชาติ

เกาะผู่โถวซาน พระโพธิสัตว์กวนอิม คืออวตารหนึ่งหรือภาคหนึ่งของพระอมิตาภพุทธเจ้า ซึ่งพระโพธิสัตว์กวนอิมเป็นมหาบุรุษ เมื่อเสด็จโปรดสัตว์ให้พ้นทุกข์จะทรงนิรมิตพระองค์ไปตามภพภูมิ พระโพธิสัตว์กวนอิมจึงมีหลายปาง เช่น ปางประธาน, ปางพันมือพันตา, ปาง 11 หน้า และ ปางที่เป็น “เจ้าแม่กวนอิม” ที่คนจีนเรียกว่า “อาเนี้ย” เป็นต้น เชื่อกันว่าพระโพธิสัตว์กวนอิมมีที่ประทับอยู่ที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์บนภูเขาโปตละบนเกาะกลางทะเลทางทิศใต้ของประเทศอินเดีย เมื่อราว พ.ศ. 11 พระสงฆ์รูปหนึ่งเดินทางไปประเทศจีนเพื่อศึกษาธรรมขากลับได้เชิญองค์เจ้าแม่กวนอิมกลับมาด้วย ระหว่างทางเจอพายุจึงต้องแวะพักที่เกาะแห่งหนึ่งเป็นเวลานานมาก จนเชื่อว่าองค์เจ้าแม่ฯจะไม่ไปที่ไหน ประสงค์จะอยู่ที่เกาะแห่งนี้ จึงได้สร้างศาลเพื่อประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม เกาะแห่งนี้จึงกลายเป็นที่ตั้งของปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์ เปรียบเช่นที่ประทับของเจ้าแม่กวนอิมตามตำนานเดิม และเกาะแห่งนี้คือ “เกาะผู่ถ่อซาน” (โพท้อซัว) หนึ่งในสี่ภูเขาพระพุทธอันยิ่งใหญ่ของจีน (ปีฉลู)

เขาบู้ตึ๊ง หรือ อู่ตังซาน 武当山 (ในภาษาจีนกลาง) มีอีกชื่อว่า ไท่เหอซัน เป็นเทือกเขาที่มีความสำคัญของลัทธิเต๋า เล่าสืบมาว่า ปรมาจารย์เจินอู่ หรือเทพเจ้าเสวียนอู่(玄武神)ที่ที่ศาสนาเต๋าเคารพนับถือได้บำเพ็ญตบะบนยอดเขาแห่งนี้ ท่านรู้สึกติดอกติดใจกับเทือกเขาที่เสมือนแดนสุขาวดีแห่งนี้ ที่นี่ท่านได้ใช้วิชาทั้งบุ๋นและบู๊ต่อกรกับภิกษุหลายรูปของฝ่ายพุทธจนได้รับชัยชนะ จนสามารถยึดเขาแห่งนี้มาเป็นที่พำนักสืบมา เขาบู๊ตึ๊งได้กลายมาเป็นแหล่งฝึกวิชาและเข้าฌานของนักพรตลัทธิเต๋าหลายสำนักมาหลายยุคหลายสมัย และยังเป็นที่กำเนิดสุดยอดวิชากังฟูที่โด่งดังตามที่เราเคยคุ้นหูคุ้นตาในนิยายกำลังภายในด้วย

ภูเขาบู๊ตึงยังได้ชื่อว่าเป็นขุมทรัพย์ทางวัฒนธรรมแห่งหนึ่งของจีน วัดเต๋าที่มีความใหญ่โตสง่างามมากมายหลายแห่งบนเขาบู๊ตึงนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์หนึ่งในบรรดาผลงานสถาปัตยกรรมของโลก ราชวงศ์ถัง ราชวงศ์ซ่ง ราชวงศ์หยวน ราชวงศ์หมิง และราชวงศ์ชิงของจีนล้วนเคยดำเนินการก่อสร้างที่นี่มาแล้วทั้งสิ้น สมัยราชวงศ์หมิงเป็นยุคที่ลัทธิเต๋ามีความเจิรญรุ่งโรจน์ที่สุด บู๊ตึงกลายมาเป็นศาสนสถานทางลัทธิเต๋าที่สำคัญที่สุดของจีน

ภูเขาบู๊ตึงมิเพียงแต่ขึ้นชื่อด้วยลัทธิเต๋าเท่านั้น หากยังมีชื่อเสียงโด่งดังในด้านวิทยายุทธ์อีกด้วย วิทยายุทธ์ของจีนมีประวัติสืบทอดมายาวนาน และแบ่งเป็นสำนักต่างๆมากมาย แต่ถ้าแบ่งตามวิธีการฝึกฝนและลีลาท่วงท่าแล้ว มักจะแบ่งเป็นสองสำนักคือสำนักใต้กับสำนักเหนือแหล่งกำเนิดของวิทยายุทธ์สำนักเหนืออยู่ที่วัดเซ่าหลินบนเขาซงซาน สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางพุทธศาสนา จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า"สำนักเซ่าหลิน" ส่วนสำนักใต้นั้นเกิดที่ภูเขาบู๊ตึง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาเต๋า จึงเรียกในอีกชื่อหนึ่งว่า"สำนักบู๊ตึง" วิทยายุทธ์สำนักบู๊ตึงเกี่ยวโยงกับศาสนาเต๋าอย่างลึกซึ้ง เมื่อใดที่นักลัทธิเต๋าบำเพ็ญตบะนั้นก็มักจะต้องฝึกวิทยายุทธ์ควบคู่กันไปด้วย วิทยายุทธ์สำนักบู๊ตึงถือหลักในการบำรุงร่างกายและการป้องกันตนเองเป็นที่ตั้ง สำนักบู๊ตึงกับสำนักเส้าหลินถือว่าเป็นสำนักหลักสองสำนักของวิทยายุทธ์แห่งประชาชาติจีน

หมู่บ้านมรดกโลกของมณฑลอานฮุย ได้แก่ หมู่บ้านหงชุน (Hongcun) และ หมู่บ้านซิตี้ (Xidi) หมู่บ้านหงชุนได้รับการคัดเลือกจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมเมื่อปี 2000 ได้รับฉายาว่า “หมู่บ้านในภาพวาดพู่กันจีน" เมื่อมองจากมุมสูงลงมายังหมู่บ้าน จะเห็นภาพรวมของหมู่บ้านเหมือนกับโคตัวใหญ่นอนเอียงกายแนบชิดอยู่ริมลำธารหน้าภูเขาใหญ่ พอเดินเข้ามาในหมู่บ้านก็เห็นสระน้ำกลางหมู่บ้านที่เปรียบได้กับกระเพาะมีลำธารยาวกว่า 400 เมตร ที่ไหลคดเคี้ยวไปทั่วหมู่บ้านเปรียบดั่งลำไส้ และก็มีสะพานทั้งสี่ที่สร้างขึ้นพาดผ่านแม่น้ำเล็กๆที่ไหลผ่านด้านนอกหมู่บ้าน เปรียบเสมือนกีบเท้า ซึ่งระบบการไหลเวียนของลำธารในหมู่บ้านหงชุนก่อตัวขึ้นเป็นรูปโคแบบนี้ถือว่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของประวัติศาสตร์ด้านสถาปัตยกรรมของจีนที่น่ายกย่องเป็นอย่างยิ่ง

หมู่บ้านซิตี้ (Xidi) อยู่ห่างจากภูเขาหวงซันไม่ไกลนัก นับว่าเป็นหมู่บ้านที่มีความเก่าแก่ มีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปีหมู่บ้านแห่งนี้โอบล้อมรอบด้วยความงดงามของภูเขาทั้ง 4 ด้าน มีลำธาร 2 สายจากทางเหนือและทางตะวันออกไหลมาบรรจบกันทางตอนใต้ของหมู่บ้านภายในหมู่บ้านมีตรอกเล็กซอยน้อยแผ่ขยายไปทั่วทั้งหมู่บ้าน มีทางเดินที่ทอดตัวไปตามแนวริมลำธารและมีถนนหนทางเดินในหมู่บ้านที่เปรียบได้เหมือนกับเป็นกระดูกสันหลังของหมู่บ้าน ปัจจุบันนี้ในหมู่บ้านมีบ้านเรือนที่ได้รับการอนุรักษ์อยู่ในสภาพสมบูรณ์ถึง 200 หลัง ที่ยังคงสภาพบ้านเรือนที่มีชีวิตเหมือนเมื่อครั้งสมัยราชวงศ์หมิง และ ชิง บ้านเรือนแต่ละหลังจะมีการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยประติมากรรมไม้แกะสลัก อิฐแกะสลัก และรูปสลักหินต่างๆที่งดงาม และมีสีสันแบบเรียบๆ ไม่ฉูดฉาดตาแต่กลับมีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลน่ายลเป็นอย่างยิ่ง

หมู่บ้านวัฒนธรรมโบราณริมน้ำอันขึ้นชื่อของเขตวัฒนธรรมฮุยโจว ซินอานเจียงฮว่าหลาง新安江画廊 หรือ ระเบียงภาพวาดริมฝั่งแม่น้ำซินอานเจียง เป็นสายเลือดหลักแห่งอำเภอเซ่อเสี้ยน歙县Shexian และอู่อารยธรรมของชาวฮุยโจว หมู่บ้านแห่งนี้ล้อมรอบด้วยขุนเขาและสายน้ำ พื้นที่ราบมีน้อย ดังเปรียบเปรยว่า “เจ็ดส่วนคือภูผา หนึ่งส่วนคือท้องนา ที่เหลือคือทางน้ำและหมู่บ้าน” จึงเป็นแรงผลักดันให้ผู้ชายชาวฮุยโจวต้องจากบ้านเกิด ออกไปประกอบอาชีพการพาณิชย์ โดยเดินทางล่องเรือตามแม่น้ำซินอานเจียงไปทำการค้าที่เมืองซ่างไห่ หังโจว ซูโจว และหยางโจว เป็นต้น เมื่อค้าขายร่ำรวย ก็จะนำเงินทองมาสร้างบ้าน และด้วยถิ่นฐานฮุยโจวอุดมด้วยผู้มีการศึกษา ได้รับอิทธิพลจากคำสอนของขงจื่อ เมิ่งจื่อ จูซี และ เฉิงอี้ จึงสร้างหมู่บ้านตามแบบฉบับชาวฮุยโจวขึ้น โดยมีเอกลักษณ์อันโดดเด่น เป็นเสน่ห์แห่งหมู่บ้านวัฒนธรรมฮุยโจวที่จะนำทุกท่านเข้าไปสัมผัสและเรียนรู้อย่างใกล้ชิด…

ประเทศจีนมีคำพังเพยกล่าวว่า "เบื้องบนมีสวรรค์ เบื้องล่างมี ซู - หัง" ความหมายคือ "บนฟ้ามีสถานที่ที่ดีที่สุดคือสวรรค์ บนพื้นโลกมีสถานที่ที่สวยที่สุดคือ ซูโจว กับ หังโจว" นำท่าน ล่องเรือชมทะเลสาบซีหู (西湖 ทะเลสาบตะวันตก) ซึ่งกวีจีนบรรยายเปรียบเปรยว่า “ซีหูเหมือนนางไซซี ไซซีสวยทุกอิริยาบถ ซีหูสวยทุกฤดูกาล” ชมทิวทัศน์มากกว่า 40 แห่ง จุดสำคัญได้แก่ หนึ่งภูเขา สองทาง สามเกาะ ห้าทะเลสาบ และ สิบทิวทัศน์ นำท่านล่องเรือผ่านชม สะพานด้วน (แต่ไม่ด้วน) ซึ่งเป็นที่มาของตำนานเรื่อง “นางพญางูขาว” ชมโคมไฟ 3 ดวง ทับแสงจันทร์น้ำลึก ชมธรรมชาติอันงดงาม สูดอากาศให้เต็มปอดกับบรรยากาศอันสดชื่นรอบ ๆ ทะเลสาบแห่งนี้ที่ที่ได้รับสมญานามจากนักท่องเที่ยวว่า “พฤกษชาติในนครินทร์” พร้อมชมทะเลสาบเก่าและใหม่ ชมเจดีย์ 3 องค์สะท้อนแสงจันทร์ และ นั่งเรือแบบจักรพรรดิสุยหยางตี้ ล่องตามลำคลองสายประวัติศาสตร์ต้ายุ่นเหอ คลองขุดโดยแรงงานมนุษย์ที่มีอายุเก่าแก่และระยะทางยาวที่สุดของโลก มีความยาวกว่า 1,800 กม.จากนครปักกิ่งภาคเหนือมายังนครหังโจวภาคใต้นี้ เริ่มขุดขึ้นตั้งแต่สมัยจักรพรรดิสุยหยางตี้ ด้วยการกวาดต้อนแรงงานนับแสนมาขุดคลอง เพื่อความสำราญพระราชหฤทัยส่วนพระองค์ จนลำคลองสายนี้ได้รับการขนานนามว่า “ลำน้ำเลือด” ใช้เวลาขุดกว่า 30 ปี ใช้แรงงานมนุษย์กว่า 6 ล้านคน) ทว่าต่อมา ต้ายุ่นเหอกลับเอื้อประโยชน์อย่างใหญ่หลวงให้กับอนุชนคนรุ่นหลังมายาวนานกว่า 1,500 ปีคลองต้ายุ่นเหอยังคงมีการใช้งานด้านการขนส่งสินค้า การท่องเที่ยวดินแดนเจียงหนานจนถึงปัจจุบัน

เขตภูมิทัศน์เคอหยาน 柯岩凤景区ตั้งอยู่บนรอยต่อกับทะเลสาบเจี้ยนหู อันงดงามแปลกตาด้วยผาหินแกะสลัก ทะเลสาบ น้ำตก ไม้งาม บ้านสวย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 1,800 ปี ตั้งอยู่ในเขต เมืองเก่าริมน้ำเส้าซิง Shaoxing绍兴 อีกหนึ่งจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของมณฑลเจ้อเจียง (Zhejiang) ตั้งอยู่บริเวณดินดอนสามเหลี่ยมแม่น้ำแยงซี เป็นบ้านเกิดของหลู่ ซิ้น (鲁迅,Lu Xun) นักเขียนผู้มีชื่อเสียงของจีน เส้าซิงเป็นเมืองอารยธรรมโบราณ เมืองนี้สร้างมาเป็นเวลาเกือบ 2,500 ปีแล้วและมีวัฒนธรรมยาวนานกว่า 4,000 ปี แต่ไหนแต่ไรมาก็ได้รับสมญานามว่า "เวนีสแห่งบูรพา" เส้าซิงได้รับรางวัล "เมืองน่าอยู่แห่ง สหประชาชาติ" และ "เมืองที่มีความสุขมากที่สุดของจีนประจำปี 2008

Visitors: 616,136